ภาษาอังกฤษ(English language) เป็นภาษาตระกูลเจอร์เมนิกตะวันตกมีต้นตระกูลมาจากอังกฤษเป็นภาษาที่มีคนพูดเป็นภาษาแรกมากที่สุดเป็นอันดับ 3 (พ.ศ. 2545: 402 ล้านคน) ภาษาอังกฤษถือเป็นภาษากลาง (lingua franca) เนื่องจากอิทธิพลทางทหาร เศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์ การเมือง และวัฒนธรรมของสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกาจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่นักศึกษาทุกคนจำเป็นต้องเรียนรู้ภาษาอังกฤษเพราะว่าภาษาอังกฤษนั้นได้เข้ามามีบทบาทอย่างยิ่งต่อผู้คนในหลากหลายอาชีพ ซึ่งบางอาชีพต้องการผู้ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านภาษาอังกฤษมาช่วยประสานงาน ทำให้งานทุกอย่างนั้นง่ายราบรื่นและสำเร็จลงไปได้ด้วยดี คำว่าอังกฤษในภาษาไทย มีที่มาจากคำอ่านของคำว่า Inggeris ในภาษามลายูที่ยืมมาจาก anglais (English) ( /??gl?/ (help·info)) ในภาษาฝรั่งเศส ภาษาอังกลิช/แองกลิช (Angles) เป็นภาษาโบราณซึ่งใช้กันในชนชาติแองโกลที่อพยพสู่เกาะบริเตน และเป็นหนึ่งในภาษาแบบฉบับของภาษาอังกฤษ เพราะฉะนั้น หากพูดถึงภาษาแองกลิชแล้ว ก็ต้องระวังเสียงพ้องกับคำว่าภาษาอังกฤษ
เนื้อหา[แสดง] |
ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ใช้มากเป็นอันดับ 3 หรือ 4 ของโลก รองลงมาจากภาษาจีนภาษาฮินดีและใกล้เคียงกับภาษาสเปน ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแรกในประเทศต่างๆ ต่อไปนี้ออสเตรเลียบาฮามาสบาร์บาดอสเบอร์มิวดายิบรอลตาร์กายอานาจาไมกานิวซีแลนด์แอนติกาและบาร์บูดาเซนต์คิตส์และเนวิสตรินิแดดและโตเบโกสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ยังมีฐานะเป็นภาษาราชการร่วมกับภาษาอื่นๆ ในเบลีซ(ร่วมกับภาษาสเปน)แคนาดา(ร่วมกับภาษาฝรั่งเศส)โดมินิกาเซนต์ลูเซียและเซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์(ร่วมกับภาษาครีโอลฝรั่งเศส)ไอร์แลนด์(ร่วมกับภาษาไอริช)สิงคโปร์(ร่วมกับภาษามาเลย์ภาษาจีนกลางภาษาทมิฬและภาษาเอเชียอื่นๆ) และแอฟริกาใต้(ซึ่งภาษาซูลูภาษาโคซาภาษาแอฟริคานส์และภาษาโซโทเหนือมีคนพูดมากกว่า) และเป็นภาษาที่ไม่ใช่ภาษาราชการที่ใช้กันมากที่สุดในอิสราเอล ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการที่ไม่ใช่ภาษาท้องถิ่นในแคเมอรูนฟิจิไมโครนีเซียกานาแกมเบียฮ่องกง(จีน)อินเดียคิริบาสเลโซโทไลบีเรียเคนยาประเทศนามิเบียไนจีเรียมอลตาหมู่เกาะมาร์แชลล์ปากีสถานปาปัวนิวกินีฟิลิปปินส์หมู่เกาะโซโลมอนซามัวเซียร์ราลีโอนสวาซิแลนด์แทนซาเนียแซมเบียและซิมบับเว ในทวีปเอเชีย ประเทศที่เคยอยู่ภายใต้อาณานิคมของบริติชเช่นสิงคโปร์และมาเลเซียใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการโดยมีการเรียนการสอนในโรงเรียน ในฮ่องกงภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการร่วมกับภาษาจีนใช้ในการติดต่อธุรกิจ อย่างไรก็ตามในฮ่องกงมีคนจำนวนมากไม่รู้ภาษาอังกฤษ ภาษาอังกฤษใช้อักษรละตินเป็นอักษรหลักในการเขียน และการสะกดคำหลายคำจะไม่ตรงกับการอ่านออกเสียง ซึ่งทำให้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ยากภาษาหนึ่งในการเรียน Only the consonant letters are pronounced in a relatively regular way:[แก้]ประวัติ
[แก้]การกระจายทางภูมิศาสตร์
[แก้]ระบบการเขียน
[แก้]เสียงอ่าน และ ตัวอักษรสะกด
IPA | ตัวอักษรที่แสดงเสียงอ่าน | สำเนียงเฉพาะ |
---|---|---|
p | p | |
b | b | |
t | t, th (บางครั้ง) thyme, Thames | |
d | d | |
k | c (+ a, o, u, พยัญชนะ) , k, ck, ch, qu (บางครั้ง) conquer, kh (ศัพท์จากภาษาอื่น) | |
g | g, gh, gu (+ a, e, i) , gue (คำลงท้าย) | |
m | m | |
n | n | |
? | n (ก่อน g หรือ k และบางครั้ง c) , ng | |
f | f, ph, gh (คำลงท้าย) laugh, rough | |
v | v | |
θ | th (ไม่มีการกำหนดแน่ชัด ว่าคำใดออกเสียงใด | |
ð | ||
s | s, c (+ e, i, y) , sc (+ e, i, y) | |
z | z, s, ss (บางครั้ง) possess, dessert, ขึ้นต้นด้วย x xylophone | |
? | sh, sch, ti portion, ci suspicion; si/ssi tension, mission; ch (เฉพาะคำรากศัพท์จากภาษาฝรั่งเศส) ; บางครั้ง s sugar | |
? | si division, zh (ศัพท์จากภาษาอื่น) , z azure, su pleasure, g (เฉพาะคำรากศัพท์จากภาษาฝรั่งเศส) (+e, i, y) genre | |
x | kh, ch, h (ศัพท์จากภาษาอื่น) | บางครั้ง ch loch (ภาษาอังกฤษสกอตแลนด์, ภาษาอังกฤษเวลส์) |
h | h (คำขึ้นต้น) | |
t? | ch, tch บางครั้ง tu future, culture; t (+ u, ue, eu) tune, Tuesday, Teutonic | |
d? | j, g (+ e, i, y) , dg (+ e, i, consonant) badge, judg (e) ment d (+ u, ue, ew) dune, due, dew | |
? | r, wr (คำขึ้นต้น) wrangle | |
j | y (ขึ้นต้นหรือ ล้อมด้วยสระ) | |
l | l | |
w | w | |
? | wh | ภาษาอังกฤษสกอตแลนด์ และอังกฤษไอร์แลนด์ |
ภาษาอังกฤษเป็นภาษาในลักษณะภาษา intonationซึ่งหมายถึงการใช้เสียงสูงต่ำขึ้นอยู่กับประโยคที่ใช้ ต่างกับภาษาไทยที่ใช้วรรณยุกต์เป็นตัวกำกับของเสียงสูงต่ำ ประโยคในรูปแบบต่างกัน จะใช้เสียงสูงต่ำแตกต่างกัน เช่นประโยคแสดงความตกใจ ประโยคคำถาม ประโยคสนทนา การขึ้นเสียงสูง และลงเสียงต่ำยังคงสามารถบอกได้ถึงความหมายของประโยค ตัวอย่างเช่น ภาษาอังกฤษเป็นภาษาในลักษณะภาษา stress-timedซึ่งจะมีการเน้นเสียงที่คำคำหนึ่งโดยการเน้นให้เสียงดังขึ้นหรือเสียงสูงขึ้น ในดิกชันนารีจะนิยมเขียนเครื่องหมายอะพอสทรอฟี(?) ไว้ด้านหน้า (เช่นIPAหรือพจนานุกรมออกซ์ฟอร์ด) หรือเขียนไว้ด้านหลัง (พจนานุกรมเว็บสเตอร์) โดยทั่วไป คำศัพท์ภาษาอังกฤษที่มี 2 พยางค์ สามารถกล่าวได้ว่า ถ้าเน้นเสียงที่พยางค์แรก คำนั้นส่วนใหญ่จะเป็นคำนามหรือคำคุณศัพท์และถ้าเน้นเสียงที่พยางค์ที่ 2 คำนั้นส่วนใหญ่จะเป็นคำกริยา การเน้นเสียงในประโยคใช้ในการบอกความสำคัญของประโยค โดยประโยคทั่วไปจะเน้นเสียงที่คำหลักที่มีความหมายเฉพาะ โดยจะไม่เน้นเสียงที่ คำสรรพนาม และกริยาช่วย โดยประโยคทั่วไป จะเห็นได้ว่ามีการเน้นเสียงที่คำว่า "best" และ "done" โดยคำอื่นที่เหลือจะไม่มีการเน้นเสียง แต่อย่างไรก็ตามเมื่อต้องการเน้นที่คำใดคำหนึ่งโดยเฉพาะ การเน้นเสียงจะเปลี่ยนไป เช่น จะเน้นเสียงได้หลายแบบ เพื่อแสดงหลายความหมายโดยนัยของประโยค เช่น คำศัพท์ส่วนมากในภาษาอังกฤษจะมีรากศัพท์จากภาษาเจอร์เมนิกและภาษาละตินโดยคำจากเจอร์เมนิกจะเป็นศัพท์ที่สั้นและเป็นศัพท์ในชีวิตประจำวัน และคำศัพท์อังกฤษที่รากศัพท์มาจากละติน จะถือว่าเป็นคำศัพท์ของคนชั้นสูงและมีการศึกษาในสมัยก่อน ในปัจจุบันผู้ใช้ภาษาอังกฤษสามารถเลือกใช้คำที่มีความหมายเหมือนกันเช่น "come" (เจอร์เมนิก) "arrive" (ละติน) ; freedom (เจอร์เมนิก) "liberty" (ละติน) ; oversee (เยอร์มานิก) "supervise" (ละติน) "survey" (ฝรั่งเศสที่มาจากละติน) นอกจากนี้ในชื่อสัตว์และเนื้อสัตว์จะใช้ศัพท์แยกจากกัน โดยตัวสัตว์จะใช้ศัพท์จากเจอร์เมนิกเป็นคำศัพท์จากชนชั้นล่างในอังกฤษ ขณะที่เนื้อสัตว์ที่เป็นอาหารใช้ศัพท์จากภาษาฝรั่งเศสที่มีรากศัพท์ละตินซึ่งเกิดจากคำศัพท์ผู้บริโภคชั้นสูง เช่น "cow" และ "beef"; "pig" และ "pork" ในปัจจุบันได้มีคำศัพท์ใหม่จากภาษาอื่นเข้ามาใช้ในภาษาอังกฤษ หลายภาษารวมถึงฝรั่งเศส เยอรมัน สเปน ญี่ปุ่น และภาษาต่างๆ ตัวอย่างคำเช่น creme brulee, cafe, fiance, amigo, karaoke ความถี่การใช้งานคำศัพท์ในภาษาอังกฤษมีแนวโน้มเป็นไปตาม Zipf's Law (http://en.wikipedia.org/wiki/Zipf's_law) ตัวอย่างเช่น ใน Brown Corpus คำที่มีการใช้งานเป็นอันดับ 1 ("the") มีความถี่เกือบ 7% คำที่มีความถี่อันดับ 2 ("of") ซึ่งมีการใช้งาน 3.5% ตามด้วย "and" 2.9% คำศัพท์เพียง 135 คำที่ใช้งานสูงสุดคิดเป็นถึงครึ่งหนึ่งของเนื้อหาทั้งหมดใน Brown Corpus คำศัพท์ที่มีความถี่การใช้งานสูงสุด 4,000 คำก็จะครอบคลุมกว่า 80% ของข้อความภาษาอังกฤษที่พบในหนังสือทั่วไป และกว่า 90% ของคำศัพท์ในภาษาพูดในชีวิตประจำวัน การเรียนรู้ภาษาอังกฤษที่เหมาะสมจึงควรเน้นที่คำศัพท์สำคัญและมีการใช้งานสูงสุดก่อน ในปัจจุบันมีซอฟต์แวร์ที่เน้นการเรียนในรูปแบบนี้โดยตรง ได้แก่ Insight English (http://www.in-eng.com)[แก้]สัทวิทยา
[แก้]เสียงสูงต่ำ
[แก้]การเน้นเสียง
[แก้]การเน้นเสียงในคำ
[แก้]การเน้นเสียงในประโยค
[แก้]คำศัพท์
[แก้]ความถี่การใช้งานคำศัพท์ในภาษาอังกฤษ
[แก้]