youliek

 

ภาษาอังกฤษ(English language) เป็นภาษาตระกูลเจอร์เมนิกตะวันตกมีต้นตระกูลมาจากอังกฤษเป็นภาษาที่มีคนพูดเป็นภาษาแรกมากที่สุดเป็นอันดับ 3 (พ.ศ. 2545: 402 ล้านคน) ภาษาอังกฤษถือเป็นภาษากลาง (lingua franca) เนื่องจากอิทธิพลทางทหาร เศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์ การเมือง และวัฒนธรรมของสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกาจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่นักศึกษาทุกคนจำเป็นต้องเรียนรู้ภาษาอังกฤษเพราะว่าภาษาอังกฤษนั้นได้เข้ามามีบทบาทอย่างยิ่งต่อผู้คนในหลากหลายอาชีพ ซึ่งบางอาชีพต้องการผู้ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านภาษาอังกฤษมาช่วยประสานงาน ทำให้งานทุกอย่างนั้นง่ายราบรื่นและสำเร็จลงไปได้ด้วยดี

คำว่าอังกฤษในภาษาไทย มีที่มาจากคำอ่านของคำว่า Inggeris ในภาษามลายูที่ยืมมาจาก anglais (English) (About this sound /??gl?/ ) ในภาษาฝรั่งเศส

ภาษาอังกลิช/แองกลิช (Angles) เป็นภาษาโบราณซึ่งใช้กันในชนชาติแองโกลที่อพยพสู่เกาะบริเตน และเป็นหนึ่งในภาษาแบบฉบับของภาษาอังกฤษ เพราะฉะนั้น หากพูดถึงภาษาแองกลิชแล้ว ก็ต้องระวังเสียงพ้องกับคำว่าภาษาอังกฤษ

เนื้อหา

 [แสดง

[แก้]ประวัติ

[แก้]การกระจายทางภูมิศาสตร์

สัดส่วนผู้ใช้ภาษาอังกฤษ (ข้อมูลปี 2540)

ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ใช้มากเป็นอันดับ 3 หรือ 4 ของโลก รองลงมาจากภาษาจีนภาษาฮินดีและใกล้เคียงกับภาษาสเปน

ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแรกในประเทศต่างๆ ต่อไปนี้ออสเตรเลียบาฮามาสบาร์บาดอสเบอร์มิวดายิบรอลตาร์กายอานาจาไมกานิวซีแลนด์แอนติกาและบาร์บูดาเซนต์คิตส์และเนวิสตรินิแดดและโตเบโกสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา

นอกจากนี้ยังมีฐานะเป็นภาษาราชการร่วมกับภาษาอื่นๆ ในเบลีซ(ร่วมกับภาษาสเปน)แคนาดา(ร่วมกับภาษาฝรั่งเศส)โดมินิกาเซนต์ลูเซียและเซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์(ร่วมกับภาษาครีโอลฝรั่งเศส)ไอร์แลนด์(ร่วมกับภาษาไอริช)สิงคโปร์(ร่วมกับภาษามาเลย์ภาษาจีนกลางภาษาทมิฬและภาษาเอเชียอื่นๆ) และแอฟริกาใต้(ซึ่งภาษาซูลูภาษาโคซาภาษาแอฟริคานส์และภาษาโซโทเหนือมีคนพูดมากกว่า) และเป็นภาษาที่ไม่ใช่ภาษาราชการที่ใช้กันมากที่สุดในอิสราเอล

ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการที่ไม่ใช่ภาษาท้องถิ่นในแคเมอรูนฟิจิไมโครนีเซียกานาแกมเบียฮ่องกง(จีน)อินเดียคิริบาสเลโซโทไลบีเรียเคนยาประเทศนามิเบียไนจีเรียมอลตาหมู่เกาะมาร์แชลล์ปากีสถานปาปัวนิวกินีฟิลิปปินส์หมู่เกาะโซโลมอนซามัวเซียร์ราลีโอนสวาซิแลนด์แทนซาเนียแซมเบียและซิมบับเว

ในทวีปเอเชีย ประเทศที่เคยอยู่ภายใต้อาณานิคมของบริติชเช่นสิงคโปร์และมาเลเซียใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการโดยมีการเรียนการสอนในโรงเรียน ในฮ่องกงภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการร่วมกับภาษาจีนใช้ในการติดต่อธุรกิจ อย่างไรก็ตามในฮ่องกงมีคนจำนวนมากไม่รู้ภาษาอังกฤษ

[แก้]ระบบการเขียน

ภาษาอังกฤษใช้อักษรละตินเป็นอักษรหลักในการเขียน และการสะกดคำหลายคำจะไม่ตรงกับการอ่านออกเสียง ซึ่งทำให้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ยากภาษาหนึ่งในการเรียน

[แก้]เสียงอ่าน และ ตัวอักษรสะกด

Only the consonant letters are pronounced in a relatively regular way:

IPAตัวอักษรที่แสดงเสียงอ่านสำเนียงเฉพาะ
p p  
b b  
t t, th (บางครั้ง) thyme, Thames  
d d  
k (+ a, o, u, พยัญชนะ) , k, ck, ch, qu (บางครั้ง) conquer, kh (ศัพท์จากภาษาอื่น)  
g g, gh, gu (+ a, e, i) , gue (คำลงท้าย)  
m m  
n n  
? (ก่อน g หรือ k และบางครั้ง c) , ng  
f f, ph, gh (คำลงท้าย) laugh, rough  
v v  
θ th (ไม่มีการกำหนดแน่ชัด ว่าคำใดออกเสียงใด  
ð
s s, c (+ e, i, y) , sc (+ e, i, y)  
z z, s, ss (บางครั้ง) possess, dessert, ขึ้นต้นด้วย x xylophone  
? sh, sch, ti portion, ci suspicion; si/ssi tensionmission; ch (เฉพาะคำรากศัพท์จากภาษาฝรั่งเศส) ; บางครั้ง s sugar  
? si division, zh (ศัพท์จากภาษาอื่น) , z azure, su pleasure, g (เฉพาะคำรากศัพท์จากภาษาฝรั่งเศส) (+e, i, y) genre  
x kh, ch, h (ศัพท์จากภาษาอื่น) บางครั้ง ch loch (ภาษาอังกฤษสกอตแลนด์ภาษาอังกฤษเวลส์)
h (คำขึ้นต้น)  
t? ch, tch บางครั้ง tu futureculture; t (+ u, ue, eu) tune, Tuesday, Teutonic
d? j, g (+ e, i, y) , dg (+ e, i, consonant) badge, judg (e) ment d (+ u, ue, ew) dune, due, dew
? r, wr (คำขึ้นต้น) wrangle  
j (ขึ้นต้นหรือ ล้อมด้วยสระ)  
l l  
w w  
? wh ภาษาอังกฤษสกอตแลนด์ และอังกฤษไอร์แลนด์

[แก้]สัทวิทยา

[แก้]เสียงสูงต่ำ

ภาษาอังกฤษเป็นภาษาในลักษณะภาษา intonationซึ่งหมายถึงการใช้เสียงสูงต่ำขึ้นอยู่กับประโยคที่ใช้ ต่างกับภาษาไทยที่ใช้วรรณยุกต์เป็นตัวกำกับของเสียงสูงต่ำ ประโยคในรูปแบบต่างกัน จะใช้เสียงสูงต่ำแตกต่างกัน เช่นประโยคแสดงความตกใจ ประโยคคำถาม ประโยคสนทนา

การขึ้นเสียงสูง และลงเสียงต่ำยังคงสามารถบอกได้ถึงความหมายของประโยค ตัวอย่างเช่น

When do you want to be paid?(คุณต้องการชำระเงินเมื่อไร)

[แก้]การเน้นเสียง

[แก้]การเน้นเสียงในคำ

ภาษาอังกฤษเป็นภาษาในลักษณะภาษา stress-timedซึ่งจะมีการเน้นเสียงที่คำคำหนึ่งโดยการเน้นให้เสียงดังขึ้นหรือเสียงสูงขึ้น ในดิกชันนารีจะนิยมเขียนเครื่องหมายอะพอสทรอฟี(?) ไว้ด้านหน้า (เช่นIPAหรือพจนานุกรมออกซ์ฟอร์ด) หรือเขียนไว้ด้านหลัง (พจนานุกรมเว็บสเตอร์) โดยทั่วไป คำศัพท์ภาษาอังกฤษที่มี 2 พยางค์ สามารถกล่าวได้ว่า ถ้าเน้นเสียงที่พยางค์แรก คำนั้นส่วนใหญ่จะเป็นคำนามหรือคำคุณศัพท์และถ้าเน้นเสียงที่พยางค์ที่ 2 คำนั้นส่วนใหญ่จะเป็นคำกริยา

[แก้]การเน้นเสียงในประโยค

การเน้นเสียงในประโยคใช้ในการบอกความสำคัญของประโยค โดยประโยคทั่วไปจะเน้นเสียงที่คำหลักที่มีความหมายเฉพาะ โดยจะไม่เน้นเสียงที่ คำสรรพนาม และกริยาช่วย โดยประโยคทั่วไป

That | was | the | best | thing | you | could | have | done!

จะเห็นได้ว่ามีการเน้นเสียงที่คำว่า "best" และ "done" โดยคำอื่นที่เหลือจะไม่มีการเน้นเสียง แต่อย่างไรก็ตามเมื่อต้องการเน้นที่คำใดคำหนึ่งโดยเฉพาะ การเน้นเสียงจะเปลี่ยนไป เช่น

John hadn't stolen that money. (จอห์นไม่ได้ขโมยเงินไป)

จะเน้นเสียงได้หลายแบบ เพื่อแสดงหลายความหมายโดยนัยของประโยค เช่น

John hadn't stolen that money. (... คนอื่นเป็นคนขโมย)
John hadn't stolen that money. (... คุณบอกว่าเขาทำ แต่เขาไม่ได้ทำ)
John hadn't stolen that money. (... ได้รับเงิน แต่ไม่ได้ขโมย)
John hadn't stolen that money. (... จอห์นขโมยเงินของคนอื่น)
John hadn't stolen that money. (... จอห์นขโมยอย่างอื่น)

[แก้]คำศัพท์

คำศัพท์ส่วนมากในภาษาอังกฤษจะมีรากศัพท์จากภาษาเจอร์เมนิกและภาษาละตินโดยคำจากเจอร์เมนิกจะเป็นศัพท์ที่สั้นและเป็นศัพท์ในชีวิตประจำวัน และคำศัพท์อังกฤษที่รากศัพท์มาจากละติน จะถือว่าเป็นคำศัพท์ของคนชั้นสูงและมีการศึกษาในสมัยก่อน ในปัจจุบันผู้ใช้ภาษาอังกฤษสามารถเลือกใช้คำที่มีความหมายเหมือนกันเช่น "come" (เจอร์เมนิก) "arrive" (ละติน) ; freedom (เจอร์เมนิก) "liberty" (ละติน) ; oversee (เยอร์มานิก) "supervise" (ละติน) "survey" (ฝรั่งเศสที่มาจากละติน)

นอกจากนี้ในชื่อสัตว์และเนื้อสัตว์จะใช้ศัพท์แยกจากกัน โดยตัวสัตว์จะใช้ศัพท์จากเจอร์เมนิกเป็นคำศัพท์จากชนชั้นล่างในอังกฤษ ขณะที่เนื้อสัตว์ที่เป็นอาหารใช้ศัพท์จากภาษาฝรั่งเศสที่มีรากศัพท์ละตินซึ่งเกิดจากคำศัพท์ผู้บริโภคชั้นสูง เช่น "cow" และ "beef"; "pig" และ "pork"

ในปัจจุบันได้มีคำศัพท์ใหม่จากภาษาอื่นเข้ามาใช้ในภาษาอังกฤษ หลายภาษารวมถึงฝรั่งเศส เยอรมัน สเปน ญี่ปุ่น และภาษาต่างๆ ตัวอย่างคำเช่น creme brulee, cafe, fiance, amigo, karaoke

[แก้]ความถี่การใช้งานคำศัพท์ในภาษาอังกฤษ

ความถี่การใช้งานคำศัพท์ในภาษาอังกฤษมีแนวโน้มเป็นไปตาม Zipf's Law (http://en.wikipedia.org/wiki/Zipf's_law) ตัวอย่างเช่น ใน Brown Corpus คำที่มีการใช้งานเป็นอันดับ 1 ("the") มีความถี่เกือบ 7% คำที่มีความถี่อันดับ 2 ("of") ซึ่งมีการใช้งาน 3.5% ตามด้วย "and" 2.9% คำศัพท์เพียง 135 คำที่ใช้งานสูงสุดคิดเป็นถึงครึ่งหนึ่งของเนื้อหาทั้งหมดใน Brown Corpus

คำศัพท์ที่มีความถี่การใช้งานสูงสุด 4,000 คำก็จะครอบคลุมกว่า 80% ของข้อความภาษาอังกฤษที่พบในหนังสือทั่วไป และกว่า 90% ของคำศัพท์ในภาษาพูดในชีวิตประจำวัน การเรียนรู้ภาษาอังกฤษที่เหมาะสมจึงควรเน้นที่คำศัพท์สำคัญและมีการใช้งานสูงสุดก่อน ในปัจจุบันมีซอฟต์แวร์ที่เน้นการเรียนในรูปแบบนี้โดยตรง ได้แก่ Insight English (http://www.in-eng.com)

[แก้]

Advertising Zone    Close
 
Online:  1
Visits:  5,310
Today:  8
PageView/Month:  8

ยังไม่ได้ลงทะเบียน

เว็บไซต์นี้ยังไม่ได้ลงทะเบียนยืนยันการเป็นเจ้าของเว็บไซต์กับ Siam2Web.com